เยี่ยมยามเมืองจันทบูร เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ | Page 13
ในเวลานั้นน่าจะมีทัพพม่าตั้งควบคุมอยู่ที่ปากน�้ำทุกแห่ง
ซึ่งถือเป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์ส�ำคัญ เนื้อหาในพระราช
พงศาวดารก็กล่าวผ่านๆ ว่าไปที่บ้านนาเกลือ การใช
เส้นทางตามในพระราชพงศาวดารในเส้นทางนี้ทั้งเสี่ยง
อันตรายจากทัพพม่า ทั้งเลียบชายฝั่งทะเลที่ชุมชนเบาบาง
และชาวบ้านไม่น ย ิ มใช้เส้นทางบกทั ง ้ ระยะทางไกลกว่าเส้น
ทางที่นิยมใช้เดินทางกันภายใน
แต่พระราชพงศาวดารตอนต่อมากลับมาให้ความ
ส�ำคัญแก่ “เมืองบางปลาสร้อย” ตลอดช่วงเวลา ๗ เดือน
ของการท�ำศึกก่อนกลับไปกู้บ้านเมืองอย่างมาก เพราะ
“นายทองอยู่ นกเล็ก” ที่คบคิดกับกรมการเมืองระยอง
เข้าต้านกองก�ำลังของพระยาตากแล้วหนีไปตั ง ้ มั น ่ อยู เ ่ มือง
ชลบุรี พระยาตากจึงยกกองทหารจากเมืองระยองไปปราบ
นายทองอยู่ นกเล็ก แต่ไม่ส�ำเร็จจึงท�ำไมตรีตั้งให้เป็นเจ้า
เมืองชลบุรีที่ “พระยาอนุราชบุรีศรีมหาสมุท” ซึ่งเป็นช่วง
เวลาห่างจากเริ่มเดินทัพราว ๔ เดือนให้หลัง กองก�ำลัง
พม่าที่เฝ้าอยู่ ณ ปากน�้ำหรือจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ คงเริ่ม
ถอนก�ำลังออกไป “จนพระยาตากสามารถขี ช ่ า ้ งเลียบเมือง
บางปลาสร้อย พ�ำนักยังเก๋งจีน และสถาปนานายทองอยู
นกเล็กเป็นเจ้าเมืองชลบุรีได้” แต่นายทองอยู่ นกเล็กยัง
ก่อความเดือดร้อนจนต้องปราบจับประหารในช่วงที่น�ำทัพ
เรือกลับไปกู้กรุงศรีอยุธยา
การที ท ่ พ ั พระยาตากจะเดินทางผ่านไปยังบางปลา
สร้อยแล้วเลียบทะเลไปยังบ้านนาเกลือ พัทยา นาจอมเทียน
ทุ่งไก่เตี้ย สัตหีบ แล้วเดินทางไปเมืองระยองที่ย่านปากน�้ำ
ระยองซึ ง ่ ถือว่าเป็นการเดินทางบกแต่เลียบชายฝั ง ่ ทะเลใน
ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ ๑๕๐ กิโลเมตร ระยะทางไปยัง
นาเกลือ นาจอมเทียน และสัตหีบแล้วจึงวกเลียบชายฝั่ง
ผ่านบ้านพลา มาบตาพุดเข้ามายังเมืองระยองยังเป็นการ
เดินทางที่อ้อมไกล มีชุมชนเบาบางเพราะไม่ใช่พื้นที่อุดม
สมบูรณ์ ผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบันไม่ใช้วิธีการเดินทาง
ไกลเช่นนี้ แต่ถ้าเลือกเดินทางตัดข้ามเขตป่าดงและที่สูง
เข้าสู่แอ่งที่ราบคลองใหญ่หรือแม่น�้ำระยองที่กว้างขวาง
กว่าแอ่งที่ราบอื่นๆ มีความอุดมสมบูรณ์ มีชุมชนผู้คนอยู
อาศัยกันหนาแน่นกว่าย่านบ้านเมืองอื่นๆ และที่ส�ำคัญคือ
พม่ายังไม่ได้เข้ายึดครอง
จึงเสนอข้อสันนิษฐานที อ ่ าจเป็นไปได้อ ก ี ประการ
หนึ ง ่ คือ หลังจากเสร็จศึกใหญ่ในแถบย่านอ�ำเภอราชสาส์น
ปัจจุบันกับพม่าที่ประจ�ำคุมอยู่ ณ ปากน�้ำโจ้โล้ ทัพจาก
กรุงศรีอยุธยาของพระยาตากน่าจะเลือกเดินทางโดยใช
แนวคลองหลวงหรือล�ำน�้ำพานทองจากจุดที่เป็นต้นคลอง
พานทองที่เมืองพระรถในอ�ำเภอพนัสนิคมปัจจุบัน ตัด
ไปยังชุมชนเก่าภายในอันเป็นเมืองสมัยทวารวดีเช่นกัน
ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางท้องถิ่นเก่าแก่ที่ใช้เดินทางเข้าสู
ชุมชนภายในและผ่านไปยังหัวเมืองและชายฝั่งทะเลทาง
ตะวันออกได้และมีการเดินทางกันอยู่เสมอ
การเดินทางเข้าสู ช ่ ม ุ ชนภายใน ปัจจุบ น ั เรียกกันว่า
“เมืองพญาเร่” ในอ�ำเภอบ่อทอง ซึ่งมีศาลใหญ่นอกเมือง
เรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อพญาเร่” ต�ำนานเรื่องเล่าต่อกันมาว่า
เจ้าพ่อพญาเร่ร ว ่ มกับพรรคพวกเพื อ ่ นชายฉกรรจ์ชาวเขมร
ป่าดง สมัครเป็นคนในกองทัพของพระยาตากฯ และเสีย
ชีวิตที่บริเวณนี้จึงมีการตั้งศาลให้ จากนั้นจึงเดินทางตัดลง
ใต้ไปที่บ้านค่าย
สถานที่ทั้งสองแห่งถือเป็นความทรงจ�ำติดสถาน
ที่ซึ่งเป็นค�ำบอกเล่าของชาวบ้านนอกเส้น ทางพระราช
พงศาวดาร แต่อยู่ในพื้นที่ป่าดงในเขตภายใน และนึกหา
สาเหตุไม่ได้เลยว่าท�ำไมจึงมีเรื่องเล่าเช่นนี้ติดสถานที่อยู
ในเขตป่าเขาห่างไกล มีชุมชนอยู่อาศัยตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่ม
ใหญ่เมื อ ่ ไม่นาน ชาวบ้านกราบไหว้บ ช ู าโดยเชื อ ่ ว่า “เจ้าพ่อ”
เคยเป็นทหารของทัพพระเจ้าตากฯ
๔. ตั ง ้ ฐานที ม ่ น ั่ ที เ ่ มืองระยองแล้วมุ ง ่ สู เ ่ มืองจันทบูร
และตราด
ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่าจากสัตหีบแล้วเดิน
ทางไปที่ “หินโด่ง” รุ ง ่ ขึ น ้ ค้างที่ “น� ำ ้ เก่า” ที ซ ่ ง ึ่ ผู ร ้ ง ั้ และกรม
การเมืองระยองออกมารับเสด็จ ผู้ศึกษาเกี่ยวกับเส้นทาง
เดินทัพของพระยาตากฯ พยายามหาที่ตั้งของสถานที่ ใน
เขตย่านเมืองระยองทั้งสองแห่งแต่ล้วนไม่แน่ ใจว่าท�ำไม
จึงไม่เข้าเมืองระยองตามเส้นทางที ม ่ าจากสัตหีบ หากออก
มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธ
13