เยี่ยมยามเมืองจันทบูร เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ | Page 12

พระเจ้าตากกับการมุ ง ่ ตะวันออกเพื อ ่ ภารกิจ กู้กรุงศรีอยุธยา พระยาตากหรือพระยาวชิรปราการตัดสินใจตีฝ่า วงล้อมทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาเพื อ ่ ไปทางด่านเมือง นครนายก เลียบชายดงศรีมหาโพธิ์เข้าสู่ที่ราบลุ่มแม่น�้ำ บางปะกง แล้วมุ่งสู่หัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกในช่วง ก่อนพระนครสูญเสียต่อทัพพม่าราว ๓ เดือน เพื่อสะสม ผู้คนและจัดทัพย้อนกลับไปกู้บ้านเมืองอีกครั้ง การศึกษาเรื อ ่ งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของ มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ สร้างสมมติฐานแนวทาง การเดินทัพของพระยาตากเพื อ ่ รวบรวมไพร่พลท�ำให้เข้าใจ ข้อมูลในท้องถิ่นใหม่ๆ โดยการเดิน ทางในแต่ละระยะ สามารถแบ่งออกได้เป็น ๔ ระยะ ๑. จากกรุงศรีอยุธยาสู่ชายเขตแดนต่อเมือง นครนายก พระยาตากออกจาก “ค่ายวัดพิชัย” มาจนถึง “บ้านหันตรา บ้านธนู” และ “บ้านสามบัณฑิต” ซึ่งตั้งอย โดดเดี่ยวกลางทุ่งพระอุทัยแล้วเดินทางต่อไปยัง “บ้านโพ สังหารหรือบ้านโพสาวหาญ” อยู่ห่างจากกรุงศรีอยุธยาไป ทางตะวันออกราว ๒๐ กิโลเมตร พม่าส่งกองทัพติดตามมา อีกจึงรบกันจนทัพพม่าแตกพ่ายไปแล้วเดินทัพต่อไปจนถึง “บ้านพรานนก” จึงหยุดพักแรม ช่วงเวลาแห่งการสู ร ้ บเพื อ ่ หนีจากทัพพม่าที่อยู่ประชิดเมือง และสู้รบตามรายทางใช เวลาราว ๒-๓ วันจึงเดินทางเข้าเขตเมืองนครนายก ๒. จากนครนายกผ่านด่านกบแจะและชายดง ศรีมหาโพธิ์ : การสู้รบกลางทุ่ง ทัพพระยาตากเลียบเขาผ่าน “บ้านนาเริ่ง” ซึ่งน่า จะเป็นบริเวณอ�ำเภอบ้านนา มี “วัดโรงช้าง” และ “บ้าน โรงช้าง” ซึ ง ่ เคยเป็นชุมชนโพนช้างจับช้างป่าตามแถบเทือก เขาดงพญาเย็นส่งไปยังเพนียดที่กรุงศรีอยุธยา พบ “ขุน ช�ำนาญไพรสน” นายกองช้างน�ำช้างมอบให้พระยาตาก ๖ ช้าง แล้วเดินทางไปตามเส้นทางมุ่งไปยังเมืองปราจีนบุร เก่า ผ่าน “ด่านกบแจะ” ริมแม่น�้ำปราจีนบุรีฝั่งเหนือ เลียบ ชายดงศรีมหาโพธิผ่านอาณาบริเวณของเขตเมืองโบราณ 12 คู่มือ “เยี่ยมยามเมืองจันทบูร” เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ สมัยทวารวดีที่ปัจจุบันเรียกว่า “เมืองศรีมโหสถ” กว่า ๙ วัน “พระเชียงเงิน ขุนพิพิธวาที นักองราม” ซึ่งขุนนางเชื้อ สายจีนที่น่ามีถิ่นฐานแถบหัวเมืองตะวันออกและเจ้าเขมร ติดตามมาสมทบ ตั้งค่ายพักแรมในป่าที่เรียกว่า “ส�ำนัก หนองน� ำ ้ ” ค�ำว่า “ส�ำนัก” หรือ “ชุมนุม” นี ย ้ ง ั ใช้เรียกชุมชน บ้านห่างที่ในป่าดงแถบตะวันออก พระยาตากรบครั้งใหญ่กับทัพพม่าบริเวณเหนือ จากท่าข้ามและปากน� ำ ้ โจ้โล้ น่าจะเป็นบริเวณที ล ่ ม ่ ุ ระหว่าง ชายดงศรีมหาโพธิและบ้านดงน้อย ในอ�ำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ไม่ใช่การศึกที ร ่ บกันบริเวณปากน� ำ ้ โจ้โล ซึ่งเป็นจุดที่ล�ำน�้ำท่าลาดต่อกับแม่น�้ำบางปะกงดังที่นัก ประวัติศาสตร์สรุป แล้วเคลื่อนทัพไปทาง “บ้านทองหลาง” และ คลองท่าทองหลางที่แยกออกมาจากแม่น�้ำบางปะกง ใน อ�ำเภอบางคล้า อยู่ต�่ำจากปากน�้ำโจ้โล้ราว ๕-๖ กิโลเมตร “ตะพานทอง” หรือ “พานทอง” ซึ ง ่ เป็นชื อ ่ ของล�ำน� ำ ้ ส�ำคัญ สาขาหนึ่งต้นน�้ำที่อยู่ในเขตป่าดงพื้นที่สูงในอ�ำเภอบ่อทอง พงศาวดารรวบรัดตัดความกล่าวไปถึงการเดินทัพไปที บ ่ าง ปลาสร้อยอย่างรวดเร็วจนถึงบ้านนาเกลือซึ่งมีนายกล�่ำคุม พลคอยสะกัดอยู่ ๓. จากฉะเชิงเทรามุ่งสู่พัทยา นาจอมเทียน สัตหีบ และแขวงเมืองระยอง รุ่งขึ้นจึง “ถึงพั ทยา” แต่พงศาวดารฉบับบริติช มิวเซียมว่า “ถึงทัพ” จึงมีข้อสังเกตกันต่อมาว่า จะใช ต�ำแหน่งที่ “พัทยา” หรือไม่ แล้วจึงยกมา “นาจอมเทียน” มาพักที่ “ทัพไก่เตี้ย” ที่ฉบับบริติช มิวเซียมว่าเป็น “ทุ่งไก เตี ย ้ ” ต่อมาจึงถึง “สัตหีบ” เลียบชายทะเลต่อมาจึงถึง “หิน โด่ง” และ “น� ำ ้ เก่า” ที ผ ่ ร ้ ู ง ั้ เมืองระยองออกมารับ ซึ ง ่ ข้อมูล เหล่านี้ล้วนมาจากเอกสารพระราชพงศาวดารที่บันทึกไว ภายหลังจากเหตุการณ์อย่างน้อยคือปลายรัชกาลสมเด็จ พระเจ้าตากสินฯ ซึ่งใช้เวลามากกว่า ๑๐ ปีขึ้นไป การศึกษาของมูลนิธ เ ิ ล็ก-ประไพ วิร ย ิ ะพันธุ์ ตั ง ้ ข้อ สังเกตจากข้อมูลที่กล่าวว่า ทัพที่หนีมาจากกรุงศรีอยุธยา จะเดินทางผ่านบางปลาสร้อยจากต้นคลองพานทอง แต