เยี่ยมยามเมืองจันทบูร เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ | Page 14

มารับจะขึ้นเหนือไปตามล�ำน�้ำระยอง เพราะควรจะออก ไปรับทางฝั่งตะวันตกของเมืองที่ผ่านมาทางบ้านพลาและ มาบตาพุด จาก “หินโข่ง” อาจจะตัดเข้าสู่บ้านค่ายที่ “บ้าน ตีนเนิน” “บ้านท่าฉนวน” เข้าสู่ “บ้านค่าย” ที่อยู่เหนือขึ้น ไปตามล�ำน�้ำคลองใหญ่หรือล�ำน�้ำระยองจากบ้านเก่าราว ๑๐ กิโลเมตร ในพระราชพงศาวดารบันทึกไว้ท ง ั้ สองค�ำคือ “บ้านไข้” ตามส�ำเนียงคนระยองแถบนี้ และมีการกล่าวถึง “นายชื น ่ บ้านค่าย” ที เ ่ ป็นนายชุมนุมในย่านหัวเมือง ทั ง ้ เป็น เพื่อนกับ “นายบุญมา แขนอ่อน และนายทองอยู่ นกเล็ก” ซึ่งชุมชนในบริเวณบ้านค่ายนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการมาตั้ง ทัพของไพร่พลของพระยาตากที่ใกล้หนองน� ำ ้ แห่งหนึ ง ่ และ คนเก่าๆ ยังเชื่อว่าบ้านค่ายเป็นสถานที่หนึ่งในเส้นทางเดิน ทัพของพระยาตาก วัดบ้านค่ายอาจจะเป็นวัดเก่าแก่อาจจะเก่าที่สุด ในเขตที่ราบลุ่มแม่น�้ำระยองนี้ น่าจะเป็นสถานที่ตั้งของ เมืองระยองเก่าที่อยู่เข้าไปภายในซึ่งหัวเมืองชายฝั่งมักจะ มีรูปแบบของเมืองที่อยู่ภายใน บริเวณนี้ตามแผนที่เก่า มีแนวคูคันดินรูปสี่เหลี่ยมและเรียกว่า “หน้าฉนวน” ซึ่ง ปัจจุบ น ั ไม่ปรากฎร่องรอยนี อ ้ ยู่ แต่ชาวบ้านใช้พ น ื้ ที เ ่ ป็นสวน สาธารณะและสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้า ตากสินฯ และเมื่อมีการค้าทางทะเลและมีกลุ่มคนจีนเข้า มาค้าขายก็ม ก ั จะตั ง ้ เมืองใหม่ย า ้ ยไปอยู ท ่ ป ี่ ากน� ำ ้ โดยเฉพาะ ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย เพราะพบโบราณวัตถุ เช่น พระพุทธรูปยืนท�ำจากหินทราย ใบเสมาหินทรายที่น่าจะ มีอายุไปถึงสมัยอยุธยาตอนต้นหรือกลางและดูจะเก่ากว่า ย่านชุมชนหรือวัดดั้งเดิมอื่นๆ ในที่ราบลุ่มเดียวกันรวม ทั้งวัดในย่านเมืองระยองปากน�้ำที่มีอายุอยู่ในช่วงอยุธยา ตอนปลายทั้งสิ้น พบว่ามีศาลเจ้าแม่หลักเมือง ซึ่งเป็น ศาลหลักเมืองแบบเก่าที เ ่ ป็นเพศหญิงนี น ้ า ่ จะเป็นการแสดง ถึงกลุ่มชุมชนดั้งเดิมที่เป็นกลุ่มเก่าคือ “ชาวชอง” ที่นับถือ ให้ความส�ำคัญทางฝ่ายหญิง เช่นเดียวกับศาลเจ้าแม่กาไว ที เ ่ มืองเพนียดในจังหวัดจันทบุรี ก่อนที จ ่ ะมีความนิยมสร้าง ศาลหลักเมืองแบบจีนและมักจะเรียกว่าเจ้าพ่อหลักเมืองกัน 14 คู่มือ “เยี่ยมยามเมืองจันทบูร” เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ เสียมากกว่า เมื อ งระยองนั้ น ถื อ ว่ า เป็ น ที่ ตั้ ง ส� ำ คั ญ เพราะ พระยาตากตั้งตนเป็นหัวหน้าชุมชนปราบดาภิเษกในนาม “พระเจ้าตากสิน” ณ เมืองแห่งนี้ ตั้งค่ายรวบรวมผู้คนและ ใช้ย ท ุ ธวิธ ต ี า ่ งๆ ทั ง ้ การปราบด้วยก�ำลัง การเกลี ย ้ กล่อมให อ่อนน้อม เช่น ส่งนายบุญมี นายบุญรอด แขนอ่อน นายบุญ มา น้องเมียพระยาจันทบูรไปเกลี้ยกล่อมเจ้าเมืองจันทบูร ให้ร่วมเป็น พวก นายบุญเมืองผู้รั้งเมืองบางละมุงและ เป็นมหาดเล็กเดิม ซึ่งชอบพอคุ้นเคยกับพระยาจันทบูร รับหนังสือจากฝ่ายพม่าที่โพสามต้นเพื่อจะส่งไปให้พระยา จันทบูรเข้าไปสวามิภักดิ์ พระยาตากจับตัวไว้และส่งคืน พระยาจันทบูรโดยไม่ได้ท�ำอันตราย ฯลฯ ช่วงเวลาที่ตั้งค่ายอยู่เมืองระยองนี้ยังให้พระพิชัย และนายบุญมีเดินทางไปเมืองปากน�้ำพุทไธมาศหรือฮ่า เตียน เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือให้จัดทัพเข้าไปกู้กรุงฯ จากพระยาราชาเศรษฐี (ญวน) หรือ “มักเทียนตื้อ” ซึ่งถูก ปฏิเสธกลับมา แล้วออกไปปราบ “นายทองอยู่ นกเล็ก” ท เมืองชลบุรี รวมทั้งน�ำกองทหารไปปราบผู้ที่ไม่เข้าร่วมทัพ และข่มเหงชาวบ้าน เมื่อข้ามล�ำน�้ำประแสซึ่งกว้างใหญ่กว่าล�ำน�้ำสาย อื น ่ ในบริเวณเส้นทางที่ “ชาวบ้านทะเลน้อย” ยังใช้มาจนถึง ปัจจุบันและมีเรื่องเล่าในท้องถิ่นเล่าสู่กันต่อมารวมทั้งร่อง รอยของการประดิษฐานพระแท่นบัลลังก์เก็บรักษาไว้ที่วัด ทะเลน้อยหรือวัดราชบัลลังก์ปฏิฐาวราราม แล้วข้ามล�ำน�้ำ พังราดผ่านย่านวัดหนองไทร และวัดโขดหอยเพื่อไปยังทุ่ง สนามชัยที่อยู่ในวงล้อมของภูเขาขนาดย่อมๆ ใช้ “ช่องเขา ตะอุก” หรือ “คอเขาตอม่อ” ข้าม “คลองล�ำพัน” “ห้วย ขโมง” อันเป็นสาขาของคลองวังโตนด ล�ำน� ำ ้ นี เ ้ มื อ ่ ออกปาก ทะเลเรียกว่าปากน�้ำแขมหนู ตัดผ่าน “ท่าใหม่” และ “เขาพลอยแหวน” ซึ่งเป็นชุมชนจีนเก่าดั้งเดิมของเมืองจัน ทบูรที่ท�ำสวนและท�ำประมง ตามพระราชพงศาวดารอาจจะถือว่า การเข้าต เมืองจันทบูรถือเป็นด่านสุดท้ายที่ยากล�ำบากเพราะจาก การเปรียบเปรยที่ “วัดแก้วริมเมือง” หลังจากที่ต้องเอา