เที่ยวตามตำนาน เพชรบุรีที่ยังไม่เคยเห็น ฯลฯ เที่ยวตามตำนาน เพชรบุรีที่ยังไม่เคยเห็น มหาเภตราฯ | Page 40
แต่เดิม ลักษณะเป็นเมืองอกแตก เพราะขยายตัว
ไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกจากแถบเขาวังมาบรรจบกับ
ล�ำน�้ำเพชรและวัดส�ำคัญ เช่น วัดมหาธาตุและวัด
อื่นๆ ของเมืองกระจายตัวอยู่ริมฝั่งน
เมืองเพชรบุรี ได้อาศัยล�ำน�้ำเพชรบุรีเป็น
คูเมืองและเป็นบริเวณหน้าเมืองที ม ่ ป ี ระตูออกสู ท ่ อ ้ ง
น�้ำ ท�ำให้เป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ผู้คน
สัญจรไปมาตามล�ำน� ำ ้ จากอ�ำเภอบ้านลาดผ่านเมือง
ไปทางเหนือเพื่อออกทะเลที่อ่าวบางตะบูนและอ่าว
บ้านแหลม
ในบริ เ วณก� ำ แพงเมื อ งก็ มี วั ด ส� ำ คั ญ ที่ ม
พัฒนาการมาแต่สมัยทวารวดีและลพบุรี ได้แก
วัดพริบพรี และวัดก�ำแพงแลง ในขณะที่ วัดใหญ
สุวรรณาราม เป็นวัดศูนย์กลางของพิธีกรรมของ
บ้านเมืองในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ทั้งเมืองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและวัดก�ำแพง
แลง รวมไปถึงความเก่าแก่ของบริเวณวัดพริบ
พรี ก�ำหนดได้ว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นราว
พุทธศตวรรษที่ ๑๘ ร่วมสมัยกับรัชกาลพระเจ้า
ชัยวรมัน ที่ ๙ แห่งเขมร มีศูนย์กลางทางความ
เชื่อขนาดใหญ่อยู่ที่วัดก�ำแพงแลง และต่อมาม
พัฒนาการกลายเป็น เมือง ระดับ นคร และม
ความสัมพันธ์กับบ้านเมืองที่อยู่ภายใน เช่น สุโขทัย
แพรกศรีราชา สุพรรณภูมิ ราชบุรี และบ้านเมือง
ทางแถบคาบสมุทรที่นครศรีธรรมราช ซึ่งปรากฏ
เนื้อความอยู่ในจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ และจารึกวัด
เขากบ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการ
ติดต่อกับบ้านเมืองโพ้นทะเล ดังเราพบในเอกสาร
จดหมายเหตุจากราชส�ำนักจีน อีกทั ง ้ ในต�ำนานเมือง
นครศรีธรรมราชที่กล่าวถึงการติดต่อกับราชส�ำนัก
จีนไว้โดยสอดคล้องกัน
โดยบันทึกจากราชส�ำนักจีนช่วงเวลานั้นได
กล่าวถึงบ้านเมืองขนาดใหญ่สองแห่งที่แยกกันส่ง
เครื่องราชบรรณาการตั้งแต่ราว พ.ศ. ๑๘๓๕-พ.ศ.
40
๑๘๖๕ คือ เสียน และ หลอหู ซึ่งเป็นรัฐอยู่ในเขต
ภาคกลางของดินแดนประเทศไทย ในขณะเดียวกัน
ประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์หยวนก็กล่าวว่าสุโขทัย
ส่งเครื่องราชบรรณาการแก่ราชส�ำนักจีนในปี พ.ศ.
๑๘๔๒ อีกแห่งหนึ่ง โดยเขียนถึง เพชรบุรี ว่า กัมร
เตง ที่เป็นเจ้าเมือง ปี๋ฉาปู้หรี่ น่าจะคือเพชรบุรีส่ง
ทูตถวายเครื่องราชบรรณาการในปี พ.ศ. ๑๘๓๗
ส� ำ หรั บ หลอหู ไ ม่ มี ป ั ญ หาว่ า คื อ ละโว
ศูนย์กลางคือลพบุรี ส่วนเสียนนั้นมีความพยายาม
สันนิษฐานกันว่าศูนย์กลางอยู ท ่ ี่ใด เสียนเป็นค�ำเดียว
กับค�ำว่าเสียมหรือสยาม นักประวัต ศ ิ าสตร์ส ว ่ นใหญ
ลงความเห็นว่า สุโขทัยคือศูนย์กลางของรัฐเสียน แต
อาจารย์ศรีศ ก ั รให้ความเห็นว่าน่าจะอยู ท ่ ส ี่ พ ุ รรณภูม
เพราะในช่วงนั้นราว พ.ศ. ๑๘๔๐ จดหมายเหต
ของโจวต๋ากวานกล่าวถึง เสียนหลอหู แสดงว่าบ้าน
เมืองทั้งสองแห่งที่แยกกันได้รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว
ซึ่งพ้องกับต�ำนานและสภาพการณ์ของบ้านเมืองใน
ภูมิภาคตะวันตกในลุ่มท่าจีนและแม่กลอง
ในเวลาใกล้เคียงกัน ทางราชส�ำนักหยวน
ยอมรั บ ทู ต จาก กั ม รเตงแห่ ง เพชรบุ รี และจั ด
เพชรบุรีอยู่ในประเภท เฉิง หรือ นคร แต่ไม่จัดเป็น
ประเภท กว๋อ หรือ รัฐ หรือ ประเทศ และยอมรับ
ทูตจากสุโขทัย รวมถึงทูตจากเสียนและหลอหู ด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น นคร หรือ รัฐ ก็สามารถส่งทูต
ไปสู ร ่ าชส�ำนักจีนได้ หากมีศ ก ั ยภาพเพียงพอ เช่น ม
เรือส�ำเภา มีความช�ำนาญ หรือมีความสัมพันธ์กับ
บ้านเมืองที เ ่ ป็นเมืองท่า โดยไม่จ ำ � เป็นต้องอาศัยการ
บังคับบัญชาหรือมีอ�ำนาจแบบรวมศูนย์เท่านั้น และ
ทางการจีนก็ยอมรับสภาพของบ้านเมืองที่ประกอบ
ไปด้วยบ้านเล็กเมืองน้อยต่างๆ กันของภูมิภาคน
พุทธศตวรรษที่ ๑๙ ก่อนการสถาปนากรุง
ศรีอยุธยาอย่างเป็นทางการ ช่วงเวลานี ย ้ ง ั เป็นปัญหา
ของนักวิชาการส่วนใหญ่ ในอดีตจึงมักกล่าวอย่าง
สรุปๆ ว่าคนไทยที อ ่ าณาจักรสุโขทัยถูกกลุ ม ่ ราชวงศ
เที่ยวตามตำ�นาน เพชรบุรีที่ยังไม่เคยเห็น มหาเภตรา-เจ้าลาย-ตาม่องไล่-เจ้ากรุงจีน