ทดลองอ่าน A Passage to India | Page 15

ไม่ได้แล้ว ระหว่างที่ฟังอยู ่ ชายทั้งสองก็ปักใจเชื่อว่าเรื่องน่าเศร้านี้เป็น เรื่องครหานินทาให้คนทั้งสังคมประณาม พูดได้เลยว่าให้มีสามีหลาย คนเสียยังดีกว่าปล่อยให้ผู้หญิงตายไปโดยไม่ได้สัมผัสความอภิรมย์ ที่พระเจ้าประทานให้ ทั้งการสมรส ความเป็นแม่ และอ�ำนาจในบ้าน มิเช่นนั้นแล้วผู้หญิงจะเกิดมาเพื่อเหตุใดกัน แล้วผู้ชายที่ปฏิเสธไม่ ยอมมอบความอภิรมย์แก่พวกหล่อนจะกล้าสู้หน้าพระผู้สร้างและตัว เขาเองได้อย่างไรเมื่อถึงกัลปาวสาน อาศิศกล่าวอ�ำลาโดยบอกว่า “ ยัง ไม่แน่ครับ ... เอาไว้ก่อนแล้วกัน ...” เป็นการยืนยันค�ำตอบเดิมของตน
“ นายต้องไม่ผัดผ่อนในเรื่องที่เห็นว่าถูกต้อง ” ฮามิดุลลาห์พูด “ นั่นเป็นเหตุที่ท�ำให้อินเดียต้องทุกข์ยากกันแบบนี้ เพราะเรามัวแต่ ผัดวันประกันพรุ่ง ” แต่เมื่อเห็นว่าญาติหนุ่มท�ำท่าวิตก เขาก็เสริม ด้วยค�ำพูดปลอบใจสองสามค�ำ เพื่อไม่ให้อาศิศต้องคิดมากกับเรื่อง ที่ภรรยาเขารบเร้าถาม
ระหว่างที่พวกเขาหลบเข้าบ้านไป มาห์มุด อาลีก็นั่งรถม้าออก ไป โดยฝากข้อความไว้ว่าจะกลับมาในอีกห้านาที แต่ไม่ต้องให้ทุกคน คอย พวกเขาจึงนั่งลงรับประทานพร้อมโมฮัมเหม็ด ลาติฟ ลูกพี่ลูก น้องห่างๆ ของบ้านนี้ ซึ่งมาอาศัยอยู่ด้วยความใจดีของฮามิดุลลาห์ และอยู ่ในฐานะที่ไม่ใช่ทั้งคนรับใช้หรือไม่ใช่ทั้งคนเสมอกัน เขาไม่พูด ไม่จานอกจากจะมีคนพูดด้วย และเนื่องจากไม่มีใครพูดด้วย เขาจึง ปิดปากเงียบโดยไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจอะไร เขาเรอเป็นครั้งเป็นคราว เพื่อแสดงความชื่นชมอาหารที่มากมายเหลือเฟือ เขาเป็นชายแก่อ่อน โยน อารมณ์ดี และเจ้าเล่ห์เพทุบาย ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยลงแรง ท�ำงานท�ำการอะไรเลย ตราบเท่าที่ญาติเขามีบ้าน ตัวเขาก็มีหลังคา คุ้มหัวแน่นอน และแทบเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลใหญ่ขนาดนี้จะพากัน ล้มละลายหมดทุกคน ภรรยาเขาก็ใช้ชีวิตในท�ำนองเดียวกันนี้ห่าง
25