ทดลองอ่าน A Passage to India | Page 14

ฮามิดุลลาห์บอก พวกเขาใช้เวลายี่สิบนาทีคุยกันหลังม่านปารดะตาม ประเพณีมุสลิม ฮามิดุลลาห์ เบกัมเป็นป้าห่างๆ ของอาศิศ และ เป็นญาติผู้หญิงคนเดียวในจันทรปุระ คราวนี้หล่อนมีเรื่องคุยกับเขา มากมายเกี่ยวกับพิธีขริบของคนในครอบครัวซึ่งจัดงานฉลองไม่ใหญ่ โตนัก หาจังหวะปลีกตัวได้ยาก เนื่องจากหล่อนจะไม่เริ่มกินจนกว่า พวกเขาจะกินเสร็จ ดังนั้นหล่อนจึงคุยยืดเยื้อเพราะเกรงว่าพวกเขา จะนึกว่าหล่อนทนหิวไม่ได้ เมื่อประณามพิธีขริบเสร็จสรรพ หล่อนก็ หันมาพูดเรื่องในครอบครัว และถามอาศิศว่าเมื่อไรจะแต่งงานเสียที เขาตอบอย่างอ่อนน้อมแต่ติดจะร�ำคาญว่า “ หนเดียวก็พอแล้ว ” “ ใช่ เขาท�ำหน้าที่แล้ว ” ฮามิดุลลาห์พูด “ อย่าไปตอแยเขาเลย
เขามีผู้สืบสกุลแล้ว ลูกชายสอง ลูกสาวหนึ่ง ”
“ ป้าครับ ลูกๆ ผมอยู่สุขสบายกับแม่ยายผมในบ้านที่หล่อน พักอยู ่จนตายไป ผมเจอลูกๆ เมื่อไรก็ได้ที่อยากเจอ พวกแกยังเด็ก อยู่มากเลย ”
“ และเขาส่งเงินเดือนทั้งก้อนไปให้ลูกๆ โดยตัวเองใช้ชีวิต กระเบียดกระเสียรเหมือนเสมียนระดับล่าง และไม่ยอมปริปากบอก ใครเลย เธอยังจะให้เขาท�ำอะไรอีกล่ะ ”
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ฮามิดุลลาห์ เบกัมตั้งใจจะพูด หลังจาก แสดงมารยาทด้วยการเปลี่ยนหัวข้อไปชั่วไม่กี่อึดใจ หล่อนก็วกเข้า เรื่องเดิมอีก บอกว่า “ แล้วลูกสาวเราจะท�ำยังไงกันล่ะถ้าพวกผู้ชาย ไม่ยอมแต่งงาน พวกหล่อนก็ต้องแต่งงานกับคนวรรณะต�่ำกว่า หรือ ไม่ก็ ...” แล้วหล่อนก็เริ่มเล่าเรื่องเดิมซ�้ำแล้วซ�้ำเล่าถึงราชนิกุลเชื้อสาย จักรพรรดิผู ้หาสามีไม่ได้จากแวดวงแคบๆ ที่ซึ่งเกียรติศักดิ์ค�้ำคอไม่ให้ แต่งงานกับใครสักคน เลยใช้ชีวิตโสดมาเรื่อย ตอนนี้เธออายุสามสิบ แล้ว อีกหน่อยก็ต้องตายโดยไร้คู่ เพราะตอนนี้หาคนยอมแต่งด้วย
24