เยี่ยมยามเมืองจันทบูร เมืองท่าอันมีพลวัตทางประวัติศาสตร์ต่อสยามประเทศ | Page 21
“เมืองแกลง” เริ ม ่ ปรากฏอย่างชัดเจนในนิราศของ
สุนทรภู่ สันนิษฐานว่าแต่งขึ น ้ ในราว พ.ศ. ๒๓๔๙ ในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ บิดาของสุนทร
ภู่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูเจ้าคณะเมือง
แกลง อยู่ที่วัดป่ากร�่ำ น่าสังเกตว่าวัดเจ้าคณะเมืองนั้นตั้ง
อยู่ท ่ ี บ้านกร�่ำ ซึ่งเป็นชุมชนชายขอบที่เนินต่อกับที่ราบลุ่ม
ใช้ท ำ � นาปลูกข้าวผืนใหญ่ต ด ิ กับที ล ่ ม ่ ุ น� ำ ้ ท่วมถึงในสาขาของ
คลองประแสคือ “คลองเนินฆ้อ” ซึ่งเป็นล�ำคลองน�้ำกร่อย
และทุ่งนาที่ติดต่อกับบริเวณหาดทรายชายทะเล แถบนี้ม
กลุ่มบ้านอยู่หลายแห่งเป็นกลุ่มใหญ่เพราะพื้นที่เหมาะสม
และอุดมสมบูรณ
แต่ต�ำแหน่งเมืองแกลงที่ยกกระบัตรและกรม
การเมืองอยู่อาศัยไม่ ใช่ต�ำแหน่งที่ตั้งใน “คลองแกลง”
เพราะสุนทรภู่กล่าวถึง “บ้านแกลง” ซึ่งอยู่ริมคลองแกลง
ทางตะวันตกของบ้านกร�่ำที่ “บ้านดอนเด็จ” ซึ่งอาจจะเป็น
“บ้านดอนเค็ด” เนื่องจากการคัดลอกที่ผิดพลาดก็ได้ ซึ่ง
“บ้านดอนเค็ดแถบวัดโพธิ์ทองเหนือสามย่าน” ขึ้นมานั้น
เป็นสถานที่ตั้งของบ้านเรือนกรมการเมืองและเจ้าเมือง
แกลงจนถึงสมัยเปลี่ยนแปลงเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาข้อมูลจากแผนที่ ใน
เอกสารเรื่อง “ราชอาณาจักรและราษฎรสยาม” ของเซอร
จอห์น เบาว์ร ง ิ จากอังกฤษที เ ่ ข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีเมื อ ่
พ.ศ. ๒๓๙๗ จากฐานข้อมูลที่มีการเริ่มเก็บเพื่อท�ำแผนท
ตั ง ้ แต่การส่งทูตจอห์น ครอว์เฟิร ด ์ เข้ามาขอท�ำสนธิส ญ
ญา
กับสยามตั ง ้ แต่ในครั ง ้ รัชกาลที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๖๕ ลงต�ำแหน่ง
หัวเมืองทางชายฝั่งทะเลตะวันออกไล่เรียงตั้งแต่ บ้านบาง
ปลาสร้อย [Bangplasoi] บางปะมุงหรือบางละมุง [Bang-
pomung] บางพระ [B.Phrai] ระยอง [Rayong] เมืองแกลง
[M. Trang] บ้านกระแจะ [B.Kacheh] จันทบุรี [Chantabu-
ri] เมืองทุ่งใหญ่ [M.Tungyai] รวมทั้งลงต�ำแหน่งและชื่อ
ล�ำน�้ำส�ำคัญ คือ แม่น�้ำระยอง แม่น�้ำประแส แม่น�้ำพังราด
และแม่น�้ำจันทบุร
ต�ำแหน่งเมืองแกลงที่เขียนว่า “M.Trang” อยู
ทางตะวันตกของเมืองระยอง ก่อนถึงแม่น�้ำประแส ใกล
บริเวณแหลมที่น่าจะคือเขาแหลมหญ้าบริเวณช่องเสม็ด
และส่ ว นทางเหนื อ ปากน�้ ำ ประแสไม่ มี ต� ำ แหน่ ง เมื อ ง
ปรากฎอยู่ จนถึงราวรัชกาลที่ ๕ เริ่มมีการลงรายละเอียด
ที่เปลี่ยนไป ดังแผนที่บริเวณอ่าวตอนในและชายฝั่งทะเล
สู่จันทบูรของ เฮอร์เบิร์ต แวริงตัน สมิธ ที่ลงต�ำแหน่ง
ทั้ง “เมืองแกลงและเมืองประแส” ในแผนที่ดังกล่าวเมื่อ
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๔-๒๔๓๙
ต่อมาในราวก่อนเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๓๙๘ ใน
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการกล่าว
ถึง “เมืองแกลง” ๒ สองครั้ง และระบุถึงปลายน�้ำเมือง
แกลง ๒ แห่งในข้อความเดียวกันว่า “ให้หามาดเส้น (เรือ
มาดคือเรือใช้ฝีพาย มีหลายแบบ ที่เป็นเรือพระที่นั่ง เช่น
มาดประทุน มาดเก๋ง ค�ำว่ามาดเส้นคือความยาวของเรือ
เกิน ๒๐ วา ซึ่ง ๑ เส้นคือราว ๔๐ เมตร ซึ่งเป็นซุงไม
ตะเคียนที่ยาวมาก) มาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายซึ่ง...
พระยาวิชยาธิบดีหาได้ที่ป่าเมืองจันทบุรีล�ำ ๑ พระเทพ
สงครามปลัดหาได้ที่ตะเคียนทองล�ำ ๑ พระแกลงแกล้ว
กล้าหาได้ที่ ปลายน�้ำเมืองแกลง ๒ ล�ำ พระอินทรอาสา
(ทุม) หาได้ที่ปลายน�้ำเมืองระยองล�ำ ๑ พระอินทรักษาหา
ได้ที่ ปลายน�้ำเมืองแกลงเมืองระยอง ล�ำ ๑ พระราชภักด
สงคราม ผู้ว่าราชการเมืองระยอง หาได้มาด ๑๘ วาที่ป่า
เมืองระยองล�ำ ๑ รวมทั้งมาดเส้นเป็น ๗ ล�ำ”
เฮอร์เบิร์ต แวริงตัน สมิธ ระบุไว้ชัดเจนว่ามาด
เส้นหรือไม้ตะเคียนที น ่ ำ � มาขุดเป็นเรือพระที น ่ ง ั่ แบบโบราณ
ขนาดใหญ่ผ่านมาจากต้น น�้ำประแสคือ “เรือพระที่นั่ง
อนันตนาคราช” นั่นเอง
ตรงนี้ชัดเจนว่าเมืองแกลงนั้นเคยตั้งอยู่ที่ “คลอง
แกลง” ซึ่งอยู่ ในเขตเมืองระยอง ต่อมาเมืองแกลงย้าย
มาอยู่ริมน�้ำสาขาของล�ำน�้ำประแสที่บ้านดอนเค็จ วัด
โพธิ ท ์ อง ซึ ง ่ ไกลจากชายฝั ง ่ ทะเลโดยวัดระยะทางตามล�ำน� ำ ้
ราว ๒๐ กิโลเมตร ไม่พบว่ามีเจ้าเมืองต�ำแหน่งและชื่อ
ในท�ำเนียบขุนนางแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในรัชกาล
สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ยังไม่สามารถหาเหตุผลของการ
มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธ
21