ทดลองอ่าน A Passage to India | Page 6

ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปด อีกทั้งระบอบประชาธิปไตยก็ไม่เคยมาเยือน ถึงเมืองนี้ ร้านรวงบ้านช่องในบาซาร์ไม่มีภาพเขียนประดับและแทบ ไม่มีงานแกะสลักเลย ตัวงานไม้ก็หน้าตาเหมือนปั ้นมาจากโคลน ส่วน ชาวบ้านร้านตลาดก็ดูเหมือนก้อนดินโคลนที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่สายตาประสบพบเห็นช่างต�่ำต้อยด้อยค่า ช่างซ�้ำซากน่าเบื่อ เสียจนนึกอยากให้กระแสน�้ำพัดพาสิ่งโสโครกกลับคืนสู่ธุลีดินไปเสีย ให้หมดสิ้นในฤดูกาลที่แม่คงคาหลากท้น บ้านเรือนพังพินาศไปบ้าง ศพลอยน�้ำเน่าอืดอยู่บ้างก็จริง แต่โครงสร้างพื้นฐานของเมืองก็ยังคง สภาพเดิม ขยายออกตรงนี้บ้าง หดลงตรงนั้นบ้าง ประดุจสิ่งมีชีวิต ชั้นต�่ำที่ยืนยงคงกระพัน
ลึกจากฝั่งเข้ามา ทัศนียภาพเปลี่ยนไปอีกแบบ มีลานอเนก- ประสงค์รูปไข่กลางเมือง โรงพยาบาลเป็นอาคารทอดยาวสีเหลืองซีดๆ บ้านเรือนของพวกลูกครึ่งเลือดผสมอินเดียกับฝรั่งผิวขาวตั้งอยู่บนที่ สูงใกล้สถานีรถไฟ พื้นดินยุบตัวลงในบริเวณถัดจากสถานีรถไฟซึ่ง ขนานกับแม่น�้ำ แล้วยกตัวขึ้นอีกเป็นเนินค่อนข้างสูงชัน เนินลูกที่ สองเป็นที่ตั้งของชุมชนกลาง เมื่อมองจากตรงนี้ จันทรปุระก็เปลี่ยน โฉมหน้าไปโดยสิ้นเชิง เมืองนี้กลายเป็นเมืองอุทยาน ไม่ได้เป็นแค่ เมืองที่แออัด แต่เป็นป่าซึ่งมีที่พักอาศัยประปราย เป็นอุทยานเขต ร้อนอันรื่นรมย์ซึ่งมีแม่น�้ำสายใหญ่ชะล้าง หมู่ต้นตาล ต้นสะเดา ต้น มะม่วง และต้นโพธิ์ที่เคยถูกบาซาร์บดบัง โผล่ออกมาให้เห็น และ เป็นฝ่ายบดบังบาซาร์แทน หมู่ไม้เหล่านี้เติบโตขึ้นจากเรือกสวนที่มี บ่อน�้ำโบราณนานปีหล่อเลี้ยง เสียดยอดขึ้นมาจากที่รกร้างอันคับแคบ และจากวัดวาที่ขาดการดูแล หมู่ไม้เหล่านี้ไขว่คว้าหาแสงสว่างและ อากาศ และเนื่องจากพรั่งพร้อมด้วยพละก�ำลังเหนือมนุษย์หรือเหนือ ผลงานใดๆ ของมนุษย์ จึงตั้งตระหง่านอยู่เหนือตะกอนที่ทับถม
16