ทดลองอ่าน A Passage to India | Page 40

“ แม่ไม่รู้ว่าลูกหมายความว่าไง ลูกรัก ”
“ เป็นชั้นเชิงแบบล่าสุดของพวกคนพื้นเมืองที่มีการศึกษาน่ะ สมัยก่อนพวกนี้จะหดหัว แต่คนรุ่นหนุ่มเชื่อในการแสดงเสรีภาพ แบบลูกผู้ชาย พวกเขาคิดว่ามันจะดูมีภาษีขึ้นกับพวกสมาชิกรัฐสภา ที่ระหกระเหินมาถึงนี่ แต่ไม่ว่าคนพื้นเมืองจะท�ำกร่างหรือหดหัว ก็ จะต้องมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ในค�ำพูดเสมอ ต้องมีอะไรบาง อย่างเสมอแหละ หรือถ้าไม่มีอะไรอื่น ก็แปลว่าพยายามเบ่งกล้ามให้ ยิสสัตน่าเกรงขามขึ้น หรือถ้าพูดภาษาอังกฤษแบบแองโกล-แซกซัน แท้ๆ ก็คือท�ำแต้มน่ะ แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น ” “ ลูกไม่เคยตัดสินคนแบบนี้เลยสมัยอยู่บ้านเรา ” “ อินเดียไม่ใช่บ้านเรานี่ ” เขาโต้กลับ ออกจะหยาบคาย แต่เพื่อ ให้หล่อนเลิกพูด เขาจึงใช้ทั้งวลีและข้อโต้แย้งที่ได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่ บ้านเมืองผู้อาวุโสกว่า และเขาไม่รู้สึกมั่นใจในตัวเองนัก เมื่อพูดว่า “ แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น ” เขาก�ำลังอ้างค�ำพูดของมิสเตอร์เทอร์ทัน ส่วน “ เบ่งกล้ามอวดศักดา ให้ยิสสัตน่าเกรงขาม ” เป็นค�ำของพันตรี คัลเลนดาร์ วลีเหล่านี้ใช้ได้ผล และช่วงนี้ใครๆ ก็ใช้กันที่สโมสร แต่ หล่อนออกจะเก่งในการแยกแยะค�ำพูดค�ำจาจากคนที่เอามาพูดต่อ และอาจบีบให้เขายกตัวอย่างให้ชัดเจนกว่านี้
หล่อนพูดแต่ว่า “ แม่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ลูกพูดฟังมีเหตุผลดี มาก แต่ลูกต้องไม่เอาสิ่งที่แม่เล่าเกี่ยวกับหมออาศิศไปบอกพันตรี คัลเลนดาร์โดยเด็ดขาด ”
เขารู้สึกว่าก�ำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อชนชั้นวรรณะของตน แต่ก็ให้ สัญญา โดยเสริมว่า “ แลกกับการที่แม่กรุณาอย่าพูดเรื่องอาศิศกับ อเดลานะครับ ”
“ ไม่พูดถึงเขา ท�ำไมล่ะ ”
50